วอร์เรน บัฟเฟตต์: ชายผู้พิชิตตลาดหุ้นด้วยวิธีการที่ไม่ซับซ้อน

วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) เป็นชื่อที่คนทั่วโลกต่างยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่เก่งที่สุดของยุค บัฟเฟตต์ไม่ได้ร่ำรวยจากเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า หรือจากการสืบทอดทรัพย์สิน เขากลายเป็นมหาเศรษฐีด้วยการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับผลตอบแทนเป็นระยะเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ

วัยเด็กและแรงบันดาลใจในตลาดหุ้น

บัฟเฟตต์เกิดในปี 1930 ที่เมืองโอมาฮา รัฐเนบราสก้า ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (Great Depression) ในขณะนั้น พ่อของเขา ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์ เป็นโบรกเกอร์หุ้น ทำให้บัฟเฟตต์ได้สัมผัสกับโลกการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเริ่มสนใจการลงทุนและการทำธุรกิจตั้งแต่วัยเด็ก โดยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในห้องทำงานของพ่อ และบอกเพื่อนๆ ว่าถ้าเขาไม่เป็นเศรษฐีตอนอายุ 30 เขาจะกระโดดจากตึกสูง

เมื่อบัฟเฟตต์ยังเป็นวัยรุ่น เขาได้เริ่มทดลองซื้อขายหุ้นเป็นครั้งแรก และเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ เช่น ซื้อแพคโคคา-โคล่ามาขายให้เพื่อนที่โรงเรียน เขายังทำงานเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์ให้กับ Washington Post และในปี 1944 ตอนที่อายุเพียง 14 ปี บัฟเฟตต์ได้ยื่นแบบฟอร์มภาษีครั้งแรกของเขา โดยหักภาษีจากจักรยานและนาฬิกาที่ใช้ทำงาน

การศึกษากับเบนจามิน เกรแฮม

หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเนบราสก้า บัฟเฟตต์ได้สมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด แต่ถูกปฏิเสธ ทำให้เขาตัดสินใจเรียนที่โรงเรียนธุรกิจโคลัมเบีย ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้พบกับอาจารย์ที่เปลี่ยนชีวิตของเขา เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) ผู้เป็นบิดาของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) เกรแฮมสอนให้บัฟเฟตต์เข้าใจวิธีการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

บัฟเฟตต์หลงใหลในแนวคิดนี้และกลายเป็นนักเรียนคนโปรดของเกรแฮม ในเวลาต่อมา เขาได้เข้าทำงานกับเกรแฮมที่บริษัทลงทุนของเขา ซึ่งที่นั่นเอง บัฟเฟตต์ได้ฝึกฝนทักษะในการวิเคราะห์ความมั่นคงของบริษัทผ่านการดูงบการเงินและตัวเลขที่สำคัญ

การสร้างตัวตนในโลกการลงทุน

ในปี 1956 หลังจากที่เกรแฮมเกษียณ บัฟเฟตต์ได้เริ่มกองทุนการลงทุนของตัวเอง ด้วยเงินทุนเริ่มต้นประมาณ $175,000 เขาใช้หลักการของเกรแฮมในการค้นหาบริษัทที่ถูกประเมินต่ำเกินไป เช่น Sanborn Map Company ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่าราคาหุ้นในตลาดถึง $20 ต่อหุ้น บัฟเฟตต์จึงเริ่มซื้อหุ้นและได้ผลตอบแทนถึง 45% ในสองปี

ด้วยวิธีการลงทุนแบบเน้นมูลค่านี้ บัฟเฟตต์สามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาดถึง 4 เท่า และในปี 1962 เมื่ออายุได้ 32 ปี เขาได้กลายเป็นเศรษฐี ด้วยความสำเร็จนี้ เขาได้พบกับบริษัทสิ่งทอที่ชื่อ Berkshire Hathaway ซึ่งในเวลานั้นเป็นบริษัทที่ประสบปัญหาอย่างหนัก

การเปลี่ยนแปลงแนวคิดการลงทุน

บัฟเฟตต์ได้ซื้อหุ้นใน Berkshire Hathaway ด้วยแนวคิดเดิมของเขา คือ การซื้อบริษัทที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม การบริหารงานในธุรกิจสิ่งทอของ Berkshire ทำให้เขาตระหนักว่าการลงทุนในบริษัทที่กำลังเสื่อมถอยเป็นเรื่องยากที่จะสร้างกำไร เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวคิดการลงทุนใหม่ แทนที่จะค้นหาบริษัทที่ “ถูก” เขาเริ่มมองหาบริษัทที่ “ยอดเยี่ยม” ในราคาที่เหมาะสม

หนึ่งในบริษัทแรกที่บัฟเฟตต์ซื้อภายใต้แนวคิดใหม่นี้คือ American Express ซึ่งเป็นบริษัทที่เขายังคงถือหุ้นมาจนถึงปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้บัฟเฟตต์สามารถสร้างความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างมั่นคง

เข้าสู่ธุรกิจประกันภัย

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบัฟเฟตต์เกิดขึ้นเมื่อเขาตัดสินใจเข้าซื้อบริษัทประกันภัย บัฟเฟตต์เห็นว่าบริษัทประกันภัยเป็นธุรกิจที่มีเงินสดจำนวนมากจากเบี้ยประกันที่ลูกค้าจ่ายเข้ามา แต่ต้องจ่ายเงินออกไปเมื่อมีการเคลมประกันเท่านั้น ทำให้บริษัทมีเงินทุนมหาศาลที่สามารถนำไปลงทุนได้

บัฟเฟตต์เริ่มต้นซื้อบริษัทประกันในปี 1967 และซื้อ GEICO ในปี 1996 ธุรกิจประกันภัยทำให้เขามีเงินทุนที่สามารถนำไปลงทุนในบริษัทอื่นๆ ที่มีศักยภาพสูง และทำให้เขาสามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมหาศาล

การบริหารพอร์ตลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

ในปี 1983 พอร์ตการลงทุนของ Berkshire Hathaway มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และภายในสามปี บัฟเฟตต์ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีด้วยตัวเอง ความสำเร็จนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น “ออร์เคิลแห่งโอมาฮา” (Oracle of Omaha) และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการลงทุนที่ยั่งยืน

บัฟเฟตต์ยังคงใช้หลักการลงทุนแบบเรียบง่ายและเน้นมูลค่าจนถึงทุกวันนี้ การเลือกลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพสูงและการไม่ลืมถึงความสำคัญของการบริหารเงินทุนเป็นสิ่งที่ทำให้บัฟเฟตต์ยังคงเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์

สรุป

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการประสบความสำเร็จในการลงทุนด้วยหลักการที่เรียบง่าย แต่มีความลึกซึ้ง เขาใช้ความรู้และทักษะที่ได้รับจากเบนจามิน เกรแฮม เพื่อสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง และต่อมาได้เปลี่ยนแนวคิดไปสู่การลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยมและมีศักยภาพสูง ผลงานของบัฟเฟตต์ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงตลาดการลงทุน แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก

คำสำคัญ: วอร์เรน บัฟเฟตต์, การลงทุน, Berkshire Hathaway, การลงทุนแบบเน้นมูลค่า, American Express, GEICO

อ้างอิง: G110-6 Warren Buffett

โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ