ในการลงทุน ความเรียบง่ายและการใช้เครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและลดความซับซ้อน ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงแนวคิด “Simple and Minimal” ในการใช้งาน TradingView ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการวิเคราะห์กราฟและติดตามข้อมูลตลาด รวมถึงวิธีการเลือกใช้งานฟีเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นไปได้อย่างเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูงสุด
การเลือกใช้ Membership ของ TradingView
ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งาน TradingView นักลงทุนควรพิจารณาประเภทของสมาชิก (Membership) ที่เหมาะสมกับความต้องการ TradingView มีหลายประเภทให้เลือก ตั้งแต่ Basic (ฟรี), Pro, Pro Plus ไปจนถึง Premium โดยแต่ละประเภทมีราคาที่แตกต่างกันไป เช่น Pro เริ่มต้นที่ประมาณ 500 บาทต่อเดือน Pro Plus ประมาณ 1,000 บาทต่อเดือน และ Premium ประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นลงทุนหรือยังมีพอร์ตขนาดเล็ก การเลือกใช้ Pro แบบพื้นฐานก็เพียงพอแล้วสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล การอัปเกรดไปใช้ Pro Plus หรือ Premium จะเหมาะสมเมื่อคุณต้องการฟีเจอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น หรือมีพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่ขึ้น
การสร้าง Watchlist ที่มีประสิทธิภาพ
หนึ่งในฟีเจอร์ที่มีความสำคัญของ TradingView คือการสร้าง Watchlist เพื่อช่วยในการติดตามหุ้นที่คุณสนใจ โดยนักลงทุนควรสร้าง Watchlist ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนของตนเอง เช่น หากคุณมี 3 กลยุทธ์หลักในพอร์ต คุณอาจต้องสร้าง Watchlist อย่างน้อย 3 ตัว โดยแต่ละตัวใช้ติดตามหุ้นในแต่ละกลยุทธ์นั้นๆ
TradingView ให้คุณสามารถตั้งค่าสีของหุ้นใน Watchlist เพื่อบ่งบอกสถานะการลงทุน เช่น สีแดงหมายถึงหุ้นที่หยุดการลงทุนแล้ว สีเขียวหมายถึงหุ้นที่กำลังสะสม และสีส้มหมายถึงหุ้นที่กำลังรอการตัดสินใจลงทุน การใช้สีเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถมองเห็นภาพรวมของพอร์ตการลงทุนและวางแผนได้อย่างง่ายดาย
การใช้งาน Chart Layout อย่างเรียบง่าย
ฟีเจอร์ Chart Layout ของ TradingView ช่วยให้นักลงทุนสามารถดูกราฟหลายตัวพร้อมกันได้ โดยในเวอร์ชัน Basic คุณสามารถเปิดกราฟได้หนึ่งตัวต่อแท็บ ส่วนในเวอร์ชัน Pro สามารถเปิดได้สองกราฟ และ Pro Plus สามารถเปิดได้ถึงสี่กราฟ
การตั้งค่า Chart Layout ที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเปรียบเทียบข้อมูลหุ้นจากปี 2008 จนถึงปัจจุบัน คุณสามารถตั้งค่าให้ทุกกราฟซิงค์กันได้ และปรับเปลี่ยนเวลาเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนได้ตามต้องการ
การใช้ Volume Profile Indicator
หนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญและมีประโยชน์ใน TradingView คือ Volume Profile Indicator ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถดูปริมาณการซื้อขายและระดับราคาที่มีการซื้อขายมากที่สุด ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณต้องการดูข้อมูลช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง
Volume Profile Indicator มีสองรูปแบบหลัก คือ Visible Range ที่แสดงข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏในช่วงที่คุณกำลังดู และ Fixed Range ที่ให้คุณเลือกช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์โดยเฉพาะ ฟีเจอร์นี้ทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้นโดยดูจากปริมาณการซื้อขายที่แน่นอน
การใช้ Alert สำหรับการแจ้งเตือน
การตั้งค่า Alert ใน TradingView เป็นวิธีที่ดีในการติดตามราคาหุ้น โดยคุณสามารถตั้งค่าให้ TradingView แจ้งเตือนเมื่อราคาหุ้นข้ามจุดที่คุณตั้งไว้ ฟีเจอร์ Alert นี้สามารถใช้ได้ทั้งในเวอร์ชัน Basic และ Pro โดยในเวอร์ชัน Pro คุณสามารถตั้งค่าได้ถึง 20 Alert ต่อครั้ง
การตั้งค่า Alert บน TradingView สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การแจ้งเตือนเมื่อราคาหุ้นข้ามระดับแนวรับ แนวต้าน หรือตามเส้นกราฟที่คุณกำหนดเอง การใช้ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสในการลงทุนและสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำงานร่วมกับ Google Sheets
แม้ว่า TradingView จะมีฟีเจอร์หลายอย่างที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการพอร์ตการลงทุนได้ แต่สำหรับการวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติม คุณอาจต้องใช้ Google Sheets เพื่อช่วยในการจัดเก็บข้อมูลการซื้อขายและการวิเคราะห์ข้อมูลแบบอัตโนมัติ โดยคุณสามารถใช้ Google Sheets เพื่อบันทึกผลการดำเนินงานของหุ้น และวิเคราะห์การจัดสรรสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนได้
การทำงานร่วมกันระหว่าง TradingView และ Google Sheets ช่วยให้นักลงทุนสามารถติดตามข้อมูลที่ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น เช่น การติดตามผลการดำเนินงานของหุ้นแต่ละตัว การปรับเปลี่ยนพอร์ต และการวางแผนการลงทุนในระยะยาว
คำถาม
- เหตุใดการใช้ TradingView แบบ Pro จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้น?
- การใช้ Flag Color ใน Watchlist ช่วยให้นักลงทุนจัดการหุ้นในพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร?
- Volume Profile Indicator มีความสำคัญอย่างไรในการช่วยนักลงทุนวิเคราะห์ Support และ Resistance ในหุ้นที่ลงทุน?
- การเปรียบเทียบหุ้นด้วย Relative Strength บน TradingView มีประโยชน์อย่างไรในการตัดสินใจ Scale In หรือ Scale Out หุ้นในพอร์ต?
- ทำไมการรักษาความเรียบง่าย (Keep it simple and minimal) จึงเป็นหลักการที่สำคัญในการเลือกใช้ฟีเจอร์ของ TradingView สำหรับนักลงทุนมือใหม่?
สรุป
การใช้งาน TradingView อย่างเรียบง่ายและ Minimal สามารถช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้ฟีเจอร์ที่จำเป็น เช่น Watchlist, Chart Layout และ Volume Profile Indicator ช่วยให้คุณสามารถติดตามพอร์ตการลงทุนและวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องซับซ้อนหรือใช้ฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น
การใช้งาน TradingView เวอร์ชัน Pro เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เนื่องจากมีฟีเจอร์ที่เพียงพอในการวิเคราะห์และติดตามข้อมูลได้ครอบคลุม โดยไม่จำเป็นต้องใช้ฟีเจอร์ที่ซับซ้อนเกินไป การใช้ TradingView อย่าง “Simple and Minimal” จึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้คุณสามารถลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเสียเวลากับข้อมูลที่ไม่จำเป็น
คำสำคัญ: TradingView, การลงทุน, Watchlist, Volume Profile, Chart Layout
อ้างอิง: G105-2 Keep it simple and minimal
โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ