ตัวอย่างฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์: สาเหตุและผลกระทบจากประวัติศาสตร์

ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อราคาของอสังหาริมทรัพย์สูงเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง และเมื่อเกิดการแตกของฟองสบู่ ราคาทรัพย์สินจะลดลงอย่างรวดเร็ว ในเนื้อหา Examples of Real Estate Bubbles เราจะสำรวจตัวอย่างสำคัญของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์จากประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งพิจารณาสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นและบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์เหล่านี้

ตัวอย่างฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในประวัติศาสตร์

มีหลายกรณีที่เกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในประวัติศาสตร์ บางกรณีเกิดขึ้นจากความต้องการสินค้าเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ตัวอย่างเช่น:

  • ฟองสบู่ใน Alabama ปี 1817: เกิดจากความต้องการ Cotton (ฝ้าย) ที่หายากในช่วงเวลานั้น ผู้คนแห่กันไปซื้อที่ดินเพื่อปลูกฝ้าย ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นเกินความจำเป็น
  • ฟองสบู่ใน Texas ปี 2005-2008: ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงถึง 180 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้คนเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อการขุดเจาะน้ำมันและการก่อสร้าง ซึ่งราคาที่ดินก็สูงขึ้นไปตามความต้องการ
  • ฟองสบู่ใน Chicago ปี 1830: เกิดจากการสร้างทางรถไฟและคลอง ซึ่งผู้คนมองว่าอสังหาริมทรัพย์รอบๆ พื้นที่นี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ในทุกกรณีนี้ ฟองสบู่เกิดขึ้นเมื่อผู้คนคาดการณ์ว่าราคาที่ดินจะขึ้นไปอย่างไม่หยุดหย่อนโดยไม่สนใจพื้นฐานของเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง

สาเหตุที่ทำให้เกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์

การเกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์มีหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุหลัก เช่น:

  • Easy Credit: การปล่อยสินเชื่อที่ง่ายเกินไป ทำให้ผู้คนสามารถกู้เงินเพื่อซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายมาก แม้ว่าบางครั้งอาจไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระ
  • การเก็งกำไร: ผู้คนแห่กันซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ด้วยความเชื่อว่าราคาจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเก็งกำไรและการซื้อขายที่ดินในปริมาณมาก
  • นโยบายของรัฐบาล: บางครั้งนโยบายที่สนับสนุนให้ประชาชนมีบ้านของตัวเอง เช่น ในกรณีของสเปนปี 1985 ที่ปล่อยกู้บ้านในระยะเวลาสูงสุดถึง 50 ปี ทำให้คนจนมีบ้านได้แต่สุดท้ายไม่สามารถผ่อนชำระได้

ผลกระทบของการแตกของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์

เมื่อฟองสบู่แตก ผลกระทบมักจะรุนแรงและส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น:

  • Japan’s Lost Decade: ในช่วงปี 1985 ประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับเศรษฐกิจที่ร้อนแรงจนฟองสบู่แตก ส่งผลให้ญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซามายาวนานกว่าสามทศวรรษ
  • วิกฤตต้มยำกุ้ง (1997): ในประเทศไทย เกิดฟองสบู่เนื่องจากการลงทุนจากต่างประเทศและการกู้ยืมอย่างไม่ยั่งยืน เมื่อฟองสบู่แตก ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศตกต่ำลงอย่างรุนแรง
  • วิกฤติ Subprime ในสหรัฐฯ ปี 2007: การปล่อยสินเชื่อที่ง่ายเกินไปและการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์นำไปสู่การแตกของฟองสบู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

บทเรียนที่ได้จากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์

บทเรียนหลักที่ได้จากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์คือการไม่ควรละเลยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ นักลงทุนควรทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงและไม่ควรยึดติดกับความเชื่อว่าราคาจะขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การศึกษาและเฝ้าระวังสัญญาณเตือนต่างๆ เช่น การปล่อยสินเชื่อที่ง่ายเกินไป และการเก็งกำไรที่สูงเกินควร จะช่วยป้องกันการเกิดฟองสบู่ได้

คำถาม

  1. จากเนื้อหา อะไรคือสาเหตุของการเกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในรัฐ Alabama ของสหรัฐอเมริกาในปี 1817?
  2. เนื้อหากล่าวถึง “Aggressive lending” ว่าเป็นสาเหตุของการเกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในเมืองใด และมีลักษณะอย่างไร?
  3. การเกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ใน Florida ในปี 1920 เกี่ยวข้องกับ “Vacation Home” อย่างไร?
  4. เนื้อหาอธิบายว่า Overheated economy และ Business culture มีส่วนทำให้เกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในประเทศใด และส่งผลกระทบอย่างไร?
  5. จากเนื้อหา อะไรคือสาเหตุหลักของการเกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในปี 1990 และมีผลกระทบอย่างไร?

สรุป

ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในหลากหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจ นโยบายของรัฐบาล หรือการเก็งกำไร การศึกษาตัวอย่างจากประวัติศาสตร์ช่วยให้นักลงทุนสามารถเตรียมตัวและลดความเสี่ยงในการลงทุนในอนาคต

คำสำคัญ: ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์, การเก็งกำไร, สินเชื่อ, Japan’s Lost Decade, วิกฤตต้มยำกุ้ง, วิกฤติ Subprime

อ้างอิง: C102-3 Examples of Real Estate Bubbles

โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ