ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงตัวอย่างของการจัดสรรพอร์ตแบบเข้มข้น หรือที่เรียกว่า Concentrated Portfolio Allocation โดยแนวทางนี้เป็นการจัดสรรพอร์ตการลงทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทหรือสินทรัพย์จำนวนน้อย แต่เน้นความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทเหล่านั้น การวางแผนพอร์ตลักษณะนี้ต้องมีการประเมินทุกตำแหน่งการลงทุนในพอร์ตอย่างละเอียด
การจัดการทุนและการลงทุนใน Prodigy Strategy
ขั้นแรกของการจัดสรรพอร์ตแบบเข้มข้นคือการตรวจสอบตำแหน่งที่คุณลงทุนไปแล้ว โดยต้องพิจารณาว่าคุณได้ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพหรือไม่ ตัวอย่างเช่น คุณอาจลงทุนในบริษัทอย่าง Apple หรือ Microsoft ซึ่งเป็นบริษัทที่คุณใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขาในชีวิตประจำวัน การลงทุนในบริษัทเหล่านี้จะให้คุณภาพและความมั่นใจมากขึ้น
การเพิ่มหรือลดตำแหน่งในพอร์ต
หลังจากที่คุณได้เลือกตำแหน่งการลงทุนที่เหมาะสม ขั้นต่อไปคือการพิจารณาว่าควรเพิ่มหรือลดจำนวน Position ในพอร์ต ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple เป็นประจำ คุณอาจเริ่มจากการลงทุนใน “Half Position” หรือประมาณ 500 ดอลลาร์ และค่อยๆ ขยายไปยัง “Full Position” ที่ 1,000 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความมั่นใจในบริษัทนั้นๆ
การตัดสินใจจากประสบการณ์และความเข้าใจ
การจัดสรรพอร์ตแบบเข้มข้นไม่จำเป็นต้องเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ทุกตัวที่คุณใช้ ตัวอย่างเช่น หากคุณไม่ได้ใช้รถยนต์ Tesla หรือบริการของ Square คุณอาจไม่ต้องลงทุนในบริษัทเหล่านี้ แม้ว่าในตลาดจะมองว่าบริษัทเหล่านี้มีศักยภาพ แต่หากคุณไม่มั่นใจในการใช้งาน คุณควรเลือกลงทุนในบริษัทที่คุณรู้จักและเข้าใจมากกว่า
การประเมินความเข้าใจในผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทเสนอเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน การใช้วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถคงความเชื่อมั่นในพอร์ตได้ในระยะยาว
การใช้พอร์ตหลายบัญชี (Multiple Accounts)
เพื่อการจัดการพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถแยกบัญชีการลงทุนออกเป็นหลายพอร์ต เช่น แยกบัญชีหนึ่งสำหรับการลงทุนใน Product and Service Strategy และอีกบัญชีหนึ่งสำหรับ Prodigy Strategy วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถติดตามการลงทุนในแต่ละกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น และสามารถวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของแต่ละพอร์ตได้ชัดเจน
การพิจารณาตัวอย่างจริง
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือการลงทุนใน Apple ซึ่งในบางกรณีสามารถลงทุนในหลายกลยุทธ์ เช่น Product and Service Strategy และ Prodigy Strategy นอกจากนี้ ในพอร์ตของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett มีการลงทุนใน Apple ถึง 40% ดังนั้น หากคุณลงทุนใน Apple ผ่านทั้ง Product and Service Strategy และ Prodigy Strategy คุณอาจถือครอง Position สองเท่าในพอร์ตได้
คำถาม
- Concentrated Portfolio Allocation คืออะไร และทำไมการลงทุนในบริษัทจำนวนจำกัดจึงมีความเสี่ยงและโอกาสที่สูงกว่าการกระจายความเสี่ยง (Diversify)?
- เหตุใดนักลงทุนควรเลือกลงทุนในบริษัทที่ใช้ Product and Service ในชีวิตประจำวัน เช่น Apple หรือ Microsoft เมื่อทำการจัดสรรพอร์ตการลงทุน?
- การลงทุนใน Prodigy เช่น Elon Musk ควรจัดสรรเป็น Full Position อย่างไร และทำไมความเชื่อมั่นในตัว Prodigy จึงสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน?
- การค่อยๆ ทยอย Scale In ในแต่ละ Position ช่วยให้นักลงทุนจัดการความเสี่ยงในการลงทุนอย่างไร?
- ทำไมการติดตามการเปลี่ยนแปลงในทีมบริหาร เช่น การที่ Jack Dorsey ออกจาก Twitter และ Square จึงสำคัญต่อการตัดสินใจว่าจะปรับเพิ่มหรือลด Position ในบริษัทนั้น?
สรุป
การจัดสรรพอร์ตแบบเข้มข้นเป็นวิธีการลงทุนที่เน้นการประเมินศักยภาพของบริษัทอย่างรอบคอบ โดยคุณสามารถเริ่มต้นจากการลงทุนในบริษัทที่คุณใช้ผลิตภัณฑ์และบริการเป็นประจำ เช่น Apple หรือ Microsoft การค่อยๆ เพิ่มตำแหน่งการลงทุน (Scale In) จะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวตามสภาพตลาดและสภาพการลงทุนได้ดีขึ้น และควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่คุณเข้าใจและมั่นใจที่สุด
คำสำคัญ: Concentrated Portfolio Allocation, Prodigy Strategy, Apple, Microsoft, Berkshire Hathaway, Scale In
อ้างอิง: G112-8 Example for Concentrated Portfolio Allocation
โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ