เนื้อหาในหัวข้อนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าใจ Gravity Model ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการดึงดูดเงินและผู้คนเข้าสู่พื้นที่หนึ่งๆ การเข้าใจคอนเซ็ปต์นี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกทำเลที่ดีที่สุด และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการลงทุนได้
เหตุผลที่ควรเข้าใจ Gravity Model
หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดในการทำความเข้าใจ Gravity Model คือการทำให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Optimize Investment) Gravity Model ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบทำเลต่างๆ และตัดสินใจว่าทำเลใดมีศักยภาพในการเติบโตมากกว่า นอกจากนี้ยังช่วยในการวิเคราะห์ว่าพื้นที่หนึ่งสามารถดึงดูดเงินได้มากหรือน้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ
ตัวอย่างเช่น หากมีทำเลที่ตั้งสองแห่งที่มีราคาและคุณภาพของอสังหาริมทรัพย์เท่ากัน แต่มีความสามารถในการดึงดูดเงินที่ต่างกัน นักลงทุนจะสามารถเลือกทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่าได้
การคำนวณศักยภาพการเติบโต
Gravity Model ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการคำนวณศักยภาพการเติบโตของพื้นที่ (Quantify Potential Growth) โดยพิจารณาจากขนาดของพื้นที่ เช่น ขนาดของห้างสรรพสินค้า หรืออาคารสำนักงาน และการเข้าถึงพื้นที่นั้นๆ (Accessibility) การใช้ Gravity Model เพื่อคำนวณการเติบโตอย่างเป็นระบบ (Systematically) จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
การวิเคราะห์นี้อาจรวมถึงการพิจารณาขนาดของพื้นที่ว่ามีกี่ตารางเมตร หรือพื้นที่รวมกันของอสังหาริมทรัพย์หลายๆ แห่งในพื้นที่เดียวกัน โดยใช้ Gravity Model เป็นฐานในการวิเคราะห์
การกระจายความเสี่ยงและการลงทุนในทำเลใหม่
อีกหนึ่งข้อดีของการใช้ Gravity Model คือการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน (Diversify Real Estate Portfolio) นักลงทุนไม่ควรลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพียงแค่ที่เดียว การลงทุนในทำเลหลายๆ แห่งที่มีศักยภาพต่างกันจะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจหรือการแข่งขันในพื้นที่เดียวกัน
นอกจากนี้ ยังสามารถนำ Gravity Model มาใช้ในการวิเคราะห์ว่าทำเลไหนมีศักยภาพในการเติบโตมากขึ้น เช่น พื้นที่ใหม่ที่รถไฟฟ้ากำลังผ่าน หรือพื้นที่ที่มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งอาจมีโอกาสในการสร้างกำไรมากกว่าทำเลที่เก่า
การป้องกันความเสี่ยงในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
การใช้ Gravity Model ยังมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี (Minimize Risk) การลงทุนในพื้นที่ที่มีศักยภาพดึงดูดเงินแม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยจะช่วยให้นักลงทุนสามารถปกป้องการลงทุนของตนเองได้ดีกว่า การวิเคราะห์พื้นที่ด้วย Gravity Model จะช่วยให้เห็นว่าอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ใดมีโอกาสที่จะรอดพ้นจากผลกระทบทางเศรษฐกิจได้
การฉวยโอกาสในสถานการณ์วิกฤติ
ในสถานการณ์ที่เกิดความวิตกกังวลหรือ Panic ทางเศรษฐกิจ Gravity Model ยังสามารถช่วยให้นักลงทุนฉวยโอกาสในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ต่ำลงได้ การซื้อในช่วงที่คนอื่นๆ ขายทรัพย์สินเพื่อหนีตาย หรือเพราะไม่สามารถผ่อนชำระได้ จะทำให้นักลงทุนสามารถได้ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงในราคาที่ต่ำลง
คำถาม
- เพราะเหตุใดการเข้าใจ Gravity Model และ Money Flow จึงมีความสำคัญต่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์?
- Gravity Model ช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อย่างไร?
- การใช้ Gravity Model ในการ diversify real estate portfolio มีประโยชน์อย่างไร?
- ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำหรือทรงตัว (poor/stagnant economy) Gravity Model สามารถช่วยในการบริหารความเสี่ยงของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไร?
- การใช้ Gravity Model ในการเปรียบเทียบและวิเคราะห์การลงทุนระยะยาว (long-term investment) ในอสังหาริมทรัพย์มีประโยชน์อย่างไร?
สรุป
การเข้าใจ Gravity Model เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งและความสามารถในการดึงดูดเงิน การใช้คอนเซ็ปต์นี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล และสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้
คำสำคัญ: Gravity Model, การลงทุน, การดึงดูดเงิน, ทำเล, ความเสี่ยง, อสังหาริมทรัพย์
อ้างอิง: C107-1-1 Important to understand Gravity Model
โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ