ในบทความนี้ เราจะพูดถึงการเลือก Successor หรือผู้สืบทอดตำแหน่งของ Prodigy ซึ่งเป็น CEO ที่จะเข้ามารับตำแหน่งแทนผู้บริหารคนก่อนที่ได้สร้างผลสำเร็จมาแล้ว ในการลงทุนกับ Prodigy นักลงทุนไม่สามารถเพียงแค่วางเงินไว้ที่บุคคลได้ แต่ต้องพิจารณาถึงความสามารถและแนวทางการบริหารของผู้สืบทอดตำแหน่งด้วย การเลือก Successor ที่เหมาะสมจะช่วยให้นักลงทุนสามารถรักษาและเพิ่มมูลค่าการลงทุนได้ในระยะยาว
ความสำคัญของ Successor
เมื่อ Prodigy ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง CEO นักลงทุนควรพิจารณาว่า Successor คนใหม่มีคุณสมบัติและศักยภาพอย่างไร Successor ต้องสามารถทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีความเข้าใจในธุรกิจอย่างลึกซึ้งเช่นเดียวกับ CEO คนก่อน ตัวอย่างเช่น Tim Cook ผู้สืบทอดตำแหน่งของ Steve Jobs ที่สามารถขับเคลื่อน Apple ให้ประสบความสำเร็จต่อไปได้หลังจากการจากไปของ Jobs
การพิจารณา Successor จึงเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเมื่อนักลงทุนเลือกที่จะลงทุนในบริษัท สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เพียงแค่ CEO คนปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถของทีมผู้บริหารคนต่อไปด้วย นักลงทุนต้องวิเคราะห์ว่า Successor จะสามารถรักษาผลงานและขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตต่อไปได้หรือไม่
คำถามสำคัญที่ต้องถามเกี่ยวกับ Successor
การตั้งคำถามที่ถูกต้องเป็นขั้นตอนแรกในการวิเคราะห์ Successor เช่น “Prodigy ลงจากตำแหน่งในช่วงไหน?” หรือ “Prodigy ลงจากตำแหน่งด้วยเหตุผลอะไร?” คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เรามองเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกระทบอย่างไรต่อบริษัท ตัวอย่างเช่น Steve Jobs ที่ถูกบังคับให้ออกจาก Apple ในช่วงแรก เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลให้บริษัทประสบปัญหาเป็นเวลานาน
อีกหนึ่งคำถามที่สำคัญคือ “Successor มีความผูกพันกับบริษัทมากแค่ไหน?” Successor ที่ยังคงมีหุ้นในบริษัทหรือมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งในวงการธุรกิจ ย่อมแสดงให้เห็นว่าเขายังคงใส่ใจในอนาคตของบริษัท เช่น Tim Cook ที่ทำงานใน Apple มานานกว่า 20 ปี ก่อนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่ง CEO ทำให้เขามีความเข้าใจลึกซึ้งในวิสัยทัศน์และการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ตัวอย่างของ Successor ที่ประสบความสำเร็จ
หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นของ Successor ที่ประสบความสำเร็จคือ Tim Cook ที่เข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Apple หลังจากการจากไปของ Steve Jobs Cook ไม่เพียงแต่สานต่อความสำเร็จของ Jobs เท่านั้น แต่ยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาด เช่น การบริหารจัดการ Supply Chain ที่เป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Satya Nadella ที่เข้ามาแทนที่ Steve Ballmer ในตำแหน่ง CEO ของ Microsoft ในช่วง 6 ถึง 12 เดือนแรกหลังจากที่ Nadella เข้ารับตำแหน่ง เขาได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Microsoft ใหม่ทั้งหมด และสามารถขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวข้ามช่วงเวลาที่เรียกว่า “Lost Decade” ได้สำเร็จ
ผลกระทบของ Successor ต่อราคาหุ้น
การเปลี่ยนแปลง CEO มักจะมีผลกระทบโดยตรงต่อราคาหุ้นของบริษัท นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ความสำเร็จของ Successor ได้จากการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 6 ถึง 12 เดือนแรกหลังการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยน CEO อาจส่งผลให้ราคาหุ้นขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อผู้บริหารคนใหม่
ตัวอย่างเช่น ราคาหุ้นของ Microsoft เพิ่มขึ้นถึง 7% หลังจากการประกาศลาออกของ Steve Ballmer และการเข้ารับตำแหน่งของ Satya Nadella แสดงให้เห็นว่าตลาดมีความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และการนำของ Nadella ในทางตรงกันข้าม หาก Successor ไม่สามารถนำบริษัทไปสู่ความสำเร็จได้ นักลงทุนอาจสูญเสียความเชื่อมั่นและถอนการลงทุนออกจากบริษัท
การวัดผล Successor ผ่านการตอบสนองของตลาด
การวัดผลความสำเร็จของ Successor สามารถดูได้จากการตอบสนองของตลาดและนักลงทุน การเปลี่ยนแปลงในวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของบริษัทหลังจากการเปลี่ยน CEO อาจสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหรือลดลง ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิดในช่วงแรกหลังจากการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างเช่น Tim Cook สามารถรักษาความแข็งแกร่งของ Apple ได้แม้ว่าตลาดจะเผชิญกับความท้าทายมากมาย เช่น วิกฤติ Supply Chain ในปี 2021-2022 ราคาหุ้นของ Apple ยังคงมีความแข็งแรงเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น แม้ว่าจะมีการลดลงเล็กน้อยในช่วงตลาดหมี
บทบาทของ Successor ในการขับเคลื่อนนวัตกรรม
การนำบริษัทให้ก้าวหน้าผ่านการสร้างนวัตกรรมเป็นหนึ่งในบทบาทสำคัญของ Successor ตัวอย่างเช่น Satya Nadella ได้นำ Microsoft ไปสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยี โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เช่น การเปิดตัวแอป Android บน Windows การซื้อกิจการ GitHub และการขยายการใช้งาน Open Software ส่งผลให้บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดและนักพัฒนา
ความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีอิทธิพล
ความสำเร็จของ Successor มักเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเขากับผู้บริหารคนก่อน เช่น Warren Buffett ที่เป็น Successor ของ Benjamin Graham ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะบิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า Buffett ได้เรียนรู้และสืบทอดแนวคิดของ Graham จนกลายเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
การที่ Successor ได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากผู้บริหารคนก่อนจะช่วยให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ได้ง่ายขึ้น และสามารถรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและนักลงทุนได้ในระยะยาว
คำถาม
-
- อะไรคือ Prodigies Successor และทำไมจึงมีความสำคัญในการลงทุนแบบ Prodigy Strategy?
- ทำไม Tim Cook จึงถือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Successor ที่ประสบความสำเร็จ และเขาเปลี่ยนแปลงอะไรใน Apple?
- ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของ Prodigy Strategy คือเท่าไร และใช้เวลานานแค่ไหนในการบรรลุผลตอบแทนนี้?
- ทำไม Charlie Munger จึงกล่าวว่า “Competent, Honorable, People with Time are Investors’ Best Friends” และมันเกี่ยวข้องกับ Prodigy Strategy อย่างไร?
- ทำไมการพิจารณา Substantial Network ของ Prodigy ที่ลาออกจากตำแหน่ง CEO จึงมีความสำคัญ?
สรุป
การเลือก Successor ของ Prodigy เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องพิจารณาในการตัดสินใจลงทุน Successor ที่มีความสามารถในการขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตต่อไปได้ในระยะยาว จะช่วยรักษาผลประโยชน์ของนักลงทุนและเพิ่มมูลค่าการลงทุน การวิเคราะห์ความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีอิทธิพล ผลการดำเนินงานของบริษัทหลังจากการเปลี่ยนแปลง และการตอบสนองของตลาดต่อผู้บริหารคนใหม่ ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
คำสำคัญ: Prodigies, Successor, Tim Cook, Satya Nadella, Warren Buffett, Benjamin Graham, การสืบทอดตำแหน่ง
อ้างอิง: G112-A Prodigies Successor
โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ