ลักษณะสำคัญของ Bear Market โดยประมาณ

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงลักษณะสำคัญโดยประมาณของ Bear Market หรือ “ตลาดหมี” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรง โดยทั่วไปแล้ว Bear Market จะเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นหรือตลาดโดยรวมลดลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุด นี่เป็นสภาวะที่นักลงทุนควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การทำความเข้าใจกับ Bear Market

Bear Market เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในตลาดการเงิน โดยทั่วไปแล้วตลาดหมีจะเกิดขึ้นทุกๆ 3 ปี และมักจะส่งผลให้ตลาดมีการปรับตัวลงประมาณ 30% จากจุดสูงสุด ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤต dot-com ในปี 2000 และวิกฤตการเงินในปี 2008 ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง และใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีกว่าจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับเดิม

ใน Bear Market นักลงทุนจะเห็นการเคลื่อนไหวของตลาดที่มีการปรับตัวลงลึกเป็นพิเศษ (Decline) จากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุด และหลังจากนั้นจึงมีการฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติ (Recovery) การวิเคราะห์ลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนมองเห็นแนวโน้มของตลาดในระยะยาว

การวัดการปรับตัวลงและฟื้นตัวใน Bear Market

หนึ่งในวิธีที่ใช้ในการวิเคราะห์ Bear Market คือการวัดความลึกของการปรับตัวลง (Decline) และระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นตัว (Recovery) ตัวอย่างเช่น ในตลาดหมีทั่วไป การปรับตัวลงมักจะอยู่ที่ประมาณ 30% และการฟื้นตัวอาจใช้เวลาประมาณ 2-3 เท่าของระยะเวลาที่ตลาดใช้ในการปรับตัวลง

ตัวอย่างเช่น หากตลาดปรับตัวลงเป็นระยะเวลา 9 เดือน การฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับปกติอาจใช้เวลาประมาณ 27 เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดมักจะใช้เวลามากกว่าการปรับตัวลง

การใช้ตัวเลขเพื่อจดจำลักษณะของ Bear Market

การใช้ตัวเลขเชิงง่ายช่วยให้นักลงทุนสามารถจดจำลักษณะของ Bear Market ได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น เราสามารถจำว่า Bear Market มักจะปรับตัวลงประมาณ 30% และใช้เวลาประมาณ 3 เท่าของระยะเวลาที่ปรับตัวลงเพื่อฟื้นตัวกลับ การจดจำตัวเลขเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดและเตรียมการรับมือได้ดีขึ้น

Bear Market มักจะเกิดขึ้นทุกๆ 3 ปี และมีการปรับตัวลงในช่วง 10-20% ภายในปี แต่หากตลาดปรับตัวลงมากกว่า 20% ในระยะเวลาสั้น (ไม่เกิน 6 เดือน) ตลาดจะถือว่าเป็น Correction มากกว่าเป็น Bear Market ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักลงทุนควรจับตาดูตลาดอย่างใกล้ชิด

ผลกระทบของ Bear Market ต่อนักลงทุน

Bear Market เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมักจะเผชิญกับความท้าทายสูง เนื่องจากการปรับตัวลงอย่างรุนแรงของราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ต่าง ๆ อาจทำให้เกิดการสูญเสียได้มาก อย่างไรก็ตาม Bear Market ก็เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองหาช่วงเวลาที่ราคาต่ำเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาที่คุ้มค่า

ในช่วง Bear Market การปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว (The steeper the decline, the sooner the recover) มักจะหมายถึงว่าตลาดจะฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นกัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าการฟื้นตัวจาก Bear Market มักจะเกิดขึ้นเมื่อราคาตลาดฟื้นตัวกลับมาเท่ากับจุดสูงสุดเดิม

คำถาม

  1. ลักษณะของ Bear Market โดยประมาณมีอะไรบ้าง และทำไมการจำค่าเฉลี่ยของการลดลงและการฟื้นตัวจึงช่วยในการวางแผนการลงทุน?
  2. เหตุใดการลดลง 30% ของตลาดจึงถือเป็นตัวเลขสำคัญในการวิเคราะห์ Bear Market และการฟื้นตัว?
  3. การใช้ TradingView เพื่อวัด Decline และ Recovery ใน Bear Market ช่วยให้นักลงทุนสามารถคำนวณระยะเวลาการฟื้นตัวได้อย่างไร?
  4. ความแตกต่างระหว่างการฟื้นตัวของตลาดใน Bear Market ที่ยาวนานกับ Bear Market ที่มีการลดลงรวดเร็วมีผลอย่างไรต่อการวางกลยุทธ์การลงทุน?
  5. จากข้อมูล Bear Market ย้อนหลัง 30 ปี ทำไมจึงควรคาดหวังว่า Bear Market จะเกิดขึ้นประมาณทุกๆ 3 ปี และนักลงทุนควรเตรียมตัวอย่างไร?

สรุป

Bear Market เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในตลาดการเงิน และมักจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ทุกๆ 3 ปี การปรับตัวลงของตลาดในช่วงนี้มักจะอยู่ที่ประมาณ 30% และการฟื้นตัวจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เท่าของระยะเวลาที่ตลาดใช้ในการปรับตัวลง การจดจำตัวเลขและลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ Bear Market ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

คำสำคัญ: Bear Market, Decline, Recovery, Correction, Prodigy Strategy, Market Analysis, Stock Market

อ้างอิง: G111-7 Bear Markets Approx Characteristics

โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ