ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดการลงทุนที่เรียกว่า “Prodigy Strategy” ซึ่งเป็นการขยายมาจากแนวคิดเดิมที่เราเคยเรียนรู้มา นั่นคือ “Product and Service Strategy” โดย Prodigy Strategy เน้นที่การลงทุนในบุคคลที่มีศักยภาพสูง หรือ Prodigies ซึ่งเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงและสร้างผลกระทบในวงกว้าง โดยการเปลี่ยนผ่านจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์และบริการเพียงอย่างเดียวสู่การลงทุนในบุคคลที่มีความสามารถนี้ มีความสำคัญต่อการกระจายการลงทุนและการขยายโอกาสทางการลงทุนให้มากขึ้น
จาก Product and Service สู่ Prodigy Strategy
แนวคิด Product and Service Strategy มุ่งเน้นที่การลงทุนในผลิตภัณฑ์และบริการที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คน โดยเรามักจะเลือกลงทุนในสิ่งที่เราใช้เองหรือเห็นว่ามีผลต่อสังคม อย่างไรก็ตาม การขยายการลงทุนไปสู่ Prodigy Strategy นั้นเป็นการเพิ่มขอบเขตการลงทุนให้กว้างขึ้น ไม่จำกัดเพียงแค่ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เราใช้ แต่ครอบคลุมไปถึงบุคคลที่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และเปลี่ยนแปลงโลกได้
ใน Prodigy Strategy เราไม่ได้ลงทุนในสิ่งของเพียงอย่างเดียว แต่ลงทุนในคนที่มีศักยภาพสูง เช่น ผู้ก่อตั้งบริษัท ผู้บริหาร หรือบุคคลที่มีความสามารถในการคิดค้น ผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนได้
ทำไมต้องขยายสู่ Prodigy Strategy
การขยายการลงทุนสู่ Prodigy Strategy มีความสำคัญเพราะในโลกปัจจุบัน การพึ่งพาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป การลงทุนใน Prodigy คือการลงทุนในผู้นำที่สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ และนำพาบริษัทไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้
ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ คุณ Warren Buffett ซึ่งเน้นการลงทุนระยะยาวแบบ “Passive Investing Strategy” ที่ไม่ต้องเข้าออกบ่อยๆ และเน้นการถือครองหุ้นในระยะยาว โดยมองว่าการลงทุนในผู้นำที่มีความสามารถสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดในระยะยาว
การเลือก Prodigy สำหรับการลงทุน
หนึ่งในแนวทางสำคัญของ Prodigy Strategy คือการเลือกบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีศักยภาพสูงในการสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงโลก โดยวิธีการเลือกนั้นต้องพิจารณาจากเกณฑ์หลายประการ เช่น ความสามารถในการนำพาบริษัทผ่านวิกฤต ความสามารถในการสร้างนวัตกรรม และความสามารถในการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม
Warren Buffett ได้กล่าวไว้ว่า “Always associate yourself with people who are better than you” หรือพยายามมีส่วนร่วมกับคนที่เก่งกว่าเรา ซึ่งแนวคิดนี้เป็นพื้นฐานของ Prodigy Strategy เพราะการลงทุนในบุคคลที่เก่งกว่าคือการเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาว
การวิเคราะห์ผลตอบแทนและกลยุทธ์การลงทุน
ใน Prodigy Strategy สิ่งที่สำคัญคือการเลือกคนที่ถูกต้องและการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน โดยผลตอบแทนของการลงทุนใน Prodigies มักจะสูงกว่าตลาดทั่วไป เมื่อพิจารณาจากระยะยาว เช่น Warren Buffett ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดโดยใช้แนวทางการลงทุนแบบ Passive Investing ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวโดยไม่ต้องจัดการบ่อยๆ
คำถาม
- ทำไมการขยายจาก Product and Service Strategy สู่ Prodigy Strategy จึงมีความสำคัญในการเพิ่มโอกาสการลงทุน?
- Prodigy Strategy เกี่ยวข้องกับการเลือกคนที่มีความสามารถอย่างไรในการสร้างสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน?
- เหตุใดการมี Passive Investing Strategy โดยใช้ Hand-off Management Style จึงเป็นแนวทางที่ดีในการลงทุนระยะยาวตาม Prodigy Strategy?
- การเลือกลงทุนกับบุคคลที่มีความสามารถและน่าเชื่อถือกว่าตัวเราส่งผลอย่างไรต่อความสำเร็จในการลงทุนในระยะยาว?
- Prodigy Successor มีบทบาทอย่างไรในการตัดสินใจว่าควรลงทุนต่อในบริษัทนั้นหรือไม่ หลังจากที่ CEO คนเดิมเกษียณไป?
สรุป
Prodigy Strategy เป็นแนวทางการลงทุนที่เน้นการลงทุนในบุคคลที่มีศักยภาพสูง ซึ่งสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และนำพาบริษัทให้ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน การขยายจาก Product and Service Strategy ไปสู่ Prodigy Strategy เป็นการเพิ่มขอบเขตของการลงทุน ทำให้นักลงทุนมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า และสามารถลดความเสี่ยงจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์หรือบริการเพียงอย่างเดียว
คำสำคัญ: Prodigy Strategy, Product and Service Strategy, Warren Buffett, Passive Investing, นวัตกรรม, การลงทุนระยะยาว
อ้างอิง: G111-1 From Product and Service to Prodigy Strategy
โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ