ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงฟีเจอร์ Heat Map ใน TradingView ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาแบบ Beta แต่ถึงแม้จะเป็น Beta ก็เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการวิเคราะห์ตลาดหุ้น Heat Map ช่วยให้นักลงทุนสามารถเห็นภาพรวมของหุ้นในรูปแบบสีสันที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดยสีเขียวหมายถึงราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น และสีแดงหมายถึงราคาหุ้นที่ลดลง

การเริ่มต้นใช้งาน Heat Map

การใช้งาน Heat Map ใน TradingView เริ่มต้นโดยการเข้าไปที่เมนู Screener และเลือก Stock Heat Map คุณจะเห็นแผนที่ความร้อนที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวของหุ้นในตลาดตามการเปลี่ยนแปลงของราคา หากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาก Heat Map จะแสดงเป็นสีเขียว และหากราคาลดลงมาก จะแสดงเป็นสีแดง นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับการแสดงผลของสีได้ตามที่คุณต้องการ

เช่น การใช้ฟีเจอร์ Amplify เพื่อเพิ่มความคมชัดของการเปลี่ยนแปลงของสี ทำให้คุณเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า หุ้นใดมีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญมากที่สุด การปรับการแสดงผลของสีนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้นและเข้าใจสถานการณ์ของตลาดได้เร็วขึ้น

การใช้ Heat Map เพื่อดูข้อมูลเชิงลึกของหุ้น

Heat Map ใน TradingView ไม่ได้แค่แสดงผลตามราคาหุ้น แต่ยังสามารถใช้ดูข้อมูลเชิงลึก เช่น Market Cap, Sector หรือแม้กระทั่งข้อมูลเกี่ยวกับ Performance ของหุ้นในช่วงเวลาต่างๆ ได้ คุณสามารถเลือกดูข้อมูลได้ตั้งแต่ระดับวัน (Day), สัปดาห์ (Week), หรือเดือน (Month) ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่คุณต้องการวิเคราะห์

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการดูหุ้นที่มี Market Cap สูงสุดในตลาด คุณสามารถกรองข้อมูลตาม Market Cap และ Heat Map จะแสดงให้เห็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในรูปแบบของสีที่ชัดเจน เช่น หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Microsoft หรือ Amazon อาจจะแสดงผลเป็นสีเขียวเข้ม ซึ่งบ่งบอกถึงการเติบโตของราคาที่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คุณเลือก

การใช้งาน Heat Map กับอุตสาหกรรมต่างๆ

Heat Map ยังสามารถใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลตามอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น หากคุณสนใจดูการเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี คุณสามารถเลือกแสดงผลเฉพาะหุ้นในกลุ่มนี้และดูว่าใครเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม คุณอาจเห็นว่า Microsoft, Apple และ Tesla เป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูงสุดในกลุ่มเทคโนโลยี

นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ Heat Map เพื่อค้นหาคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเปรียบเทียบระหว่าง Amazon กับ Walmart ในกลุ่มรีเทล คุณสามารถใช้ Heat Map เพื่อดูว่าใครมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจในการลงทุนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

การตั้งค่าฟิลเตอร์ใน Heat Map

หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Heat Map คือการตั้งค่าฟิลเตอร์เพื่อกรองข้อมูลที่คุณต้องการดู เช่น การกรองหุ้นที่มี Market Cap มากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือการกรองหุ้นที่มี Dividend Yield สูง คุณสามารถใช้ฟิลเตอร์เหล่านี้เพื่อจำกัดข้อมูลให้อยู่ในกรอบที่คุณสนใจเท่านั้น ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลมีความแม่นยำและตรงกับกลยุทธ์การลงทุนมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการดูเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการจ่ายปันผลสูง คุณสามารถตั้งค่าฟิลเตอร์เพื่อกรองหุ้นตาม Dividend Yield และ Heat Map จะแสดงผลเฉพาะหุ้นที่ตรงกับเงื่อนไขที่คุณตั้งค่าไว้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

การใช้งาน Heat Map เพื่อการกระจายความเสี่ยง

Heat Map ยังเป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการวิเคราะห์การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน คุณสามารถใช้ Heat Map เพื่อดูว่าหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมใดมีความผันผวนมากที่สุด หรือกลุ่มใดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดยุโรป คุณสามารถใช้ Heat Map เพื่อดูหุ้นในตลาดยุโรปที่มีการเติบโตสูงและเลือกลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มดี

ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดการพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการลงทุน

คำถาม

  1. Heatmap ใน TradingView มีประโยชน์อย่างไรในการแสดงภาพรวมของตลาดหุ้นโดยใช้สีเพื่อบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของหุ้นต่างๆ?
  2. เหตุใดการปรับเปลี่ยนขนาด Market Cap ใน Heatmap จึงมีความสำคัญต่อการวิเคราะห์หุ้นที่มีมูลค่าตลาดแตกต่างกัน?
  3. การใช้ Heatmap เพื่อดูหุ้นในเซ็กเตอร์ต่างๆ เช่น Technology, Retail และ Healthcare มีประโยชน์อย่างไรในการหาคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน?
  4. เหตุใด Heatmap ใน TradingView จึงยังคงเป็นฟีเจอร์ Beta และมีข้อจำกัดใดบ้างที่ผู้ใช้งานต้องระวังในขณะใช้งาน?
  5. การกรองหุ้นโดยใช้เกณฑ์ Market Cap และ Dividend Yield ใน Heatmap มีความสำคัญอย่างไรในการหาหุ้นที่ตรงกับเกณฑ์การลงทุน?

สรุป

Heat Map ใน TradingView เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเห็นภาพรวมของการเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นแบบเรียลไทม์ แม้ว่าจะยังอยู่ในขั้น Beta แต่ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือการวิเคราะห์การเติบโตของหุ้นในกลุ่มต่างๆ

การตั้งค่าฟิลเตอร์และการใช้ Heat Map เพื่อดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Market Cap, Performance และ Sector ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ Heat Map ยังสามารถใช้ในการวิเคราะห์การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

คำสำคัญ: TradingView, Heat Map, Market Cap, Performance, Sector, Filter, Amplify, Dividend Yield

อ้างอิง: G106-6 Heat Map in TradingView

โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆ จาก VDO อ้างอิง เพื่อใช้ทวน นักศึกษาควรดูวิดีโอนั้นๆ ตามรหัสวิดีโอ